สอบปลายภาค
ให้นักศึกษาทำลงในบล็อกเขียนว่าสอบปลายภาค
1.ความหมายคำว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา เทศบัญญัติ เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร อธิบาย
ตอบ แตกต่างกัน คือ
รัฐธรรมนูญ หมายถึง กฎหมายหลักหรือกฎหมายสูงสุดของประเทศซึ่งกำหนดรูปแบบและแนวทางในการปกครองประเทศ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่าง รัฐกับประชาชน รัฐธรรมนูญ จะกำหนดเนื้อหาสาระต่างๆ ไว้ ได้แก่ เจตนารมณ์ของประชาชน โครงสร้างของรัฐบาล การแบ่งแยกอำนาจ สิทธิและเสรีภาพของประชาชน รวมไปถึงวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
พระราชบัญญัติ หมายถึง กฎหมายที่พระมหากษัตริย์ตราขึ้นโดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา เนื้อหาของพระราชบัญญัตินั้นจะกำหนดเนื้อหาในเรื่องใดก็ได้ แต่ต้องไม่ขัดหรือ แย้งกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญทั่วไป เรียกว่า ประเพณีการปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้เนื้อหาของพระราชบัญญัติยังมีลักษณะกำหนดกฎเกณฑ์เป็นการทั่วไปในการก่อตั้ง เปลี่ยนแปลง กำหนดขอบเขตแห่งสิทธิและหน้าที่ของบุคคล ตลอดจนจำกัดสิทธิเสรีภาพ ของบุคคลได้ตามที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
พระราชกำหนด หมายถึง กฎหมายที่บัญญัติโดยฝ่ายบริหาร(คณะรัฐมนตรี)
พระราชกำหนดเป็นรูปแบบหนึ่งของกฎหมายที่ฝ่ายบริหารคือ พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรีตราขึ้นโดยอำนาจที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
พระราชกำหนดเป็นรูปแบบหนึ่งของกฎหมายที่ฝ่ายบริหารคือ พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของคณะรัฐมนตรีตราขึ้นโดยอำนาจที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
พระราชกำหนดมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. พระราชกำหนดทั่วไป เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเพื่อประโยชน์อันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และ
2. พระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีและเงินตรา เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีอากรหรือเงินตรา ซึ่งต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดินในระหว่างสมัยประชุมสภา
2. พระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีและเงินตรา เป็นกรณีที่ตราพระราชกำหนดเกี่ยวกับภาษีอากรหรือเงินตรา ซึ่งต้องได้รับการพิจารณาโดยด่วนและลับเพื่อรักษาประโยชน์ของแผ่นดินในระหว่างสมัยประชุมสภา
พระราชกฤษฎีกา หมายถึง กฎหมายที่ตราขึ้นโดยพระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำของคณะรัฐมนตรี
ตามรัฐธรรมนูญการตราพระราชกฤษฎีกาจะเกิดขึ้นใน 3 กรณีคือ
(1) รัฐธรรมนูญกำหนดให้ตราพระราชกฤษฎีกา ในกิจการที่สำคัญอันเกี่ยวกับฝ่ายบิรหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎรหรือพระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(2) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พศ.2540 เป็นการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อใช้กับฝ่ายบริหาร ไม่ใช้บังคับแก่ประชาชนทั่วไป อนึ่ง กรณีนี้จะไม่มีบทมาตราใดในรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้โดยเฉพาะ เช่น พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเบิกค่าเช่าบ้านของข้าราชการ
(3) โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายแม่บท(พระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด) ที่ให้อำนาจตราพระราชกฤษฎีกาได้
ตามรัฐธรรมนูญการตราพระราชกฤษฎีกาจะเกิดขึ้นใน 3 กรณีคือ
(1) รัฐธรรมนูญกำหนดให้ตราพระราชกฤษฎีกา ในกิจการที่สำคัญอันเกี่ยวกับฝ่ายบิรหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เช่น พระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎรหรือพระราชกฤษฎีกา ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(2) โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พศ.2540 เป็นการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อใช้กับฝ่ายบริหาร ไม่ใช้บังคับแก่ประชาชนทั่วไป อนึ่ง กรณีนี้จะไม่มีบทมาตราใดในรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้โดยเฉพาะ เช่น พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเบิกค่าเช่าบ้านของข้าราชการ
(3) โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายแม่บท(พระราชบัญญัติหรือพระราชกำหนด) ที่ให้อำนาจตราพระราชกฤษฎีกาได้
เทศบัญญัติ หมายถึง กฎหมายที่เทศบาลออกเพื่อใช้บังคับในเขตเทศบาลทั้งนี้อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496
ตอบ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ใช้ในการปกครองประเทศ ปัจจุบันเป็นกฎหมายที่มีการพยายามที่จะแก้ไขในหลายๆมาตราเพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และเพื่อประโยชน์สวนตนที่ส่งผลกรทบต่อส่วนรวมเป็นจำนวนมาก
การกำหนดออกกฎหมายสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดของการประกาศใช้คือ ต้องคำนึงถึงความเป็นหนึ่งเดียวของกฎระเบียบ กติกาทางสังคมที่ทุกคนมีความเข้าใจตรงกัน และทุกคนจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ใครที่กระทำผิดกฎหมายก็ให้ลงโทษให้ถึงที่สุด ไม่มีการยกเว้น
หากเราไม่มีรัฐธรรมนูญบ้านเมืองก็คงจะมีแต่โจรผู้ร้ายเกลื่อนเมือง เนื่องจากไม่มีกฎหมายที่จะมาลงโทษผู้กระทำผิด และไม่มีกฎหมายที่จะมาคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ และถ้าเราไม่มีรัฐธรรมนูญคนชั่วก็คงจะขึ้นปกครองประเทศไปแล้ว
3.ในสภาพปัจจุบันการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 มีนักวิชาการต้องการจะแก้ไขท่านคิดว่าควรที่จะแก้ไขหรือไม่ประเด็นใดอธิบายให้เหตุผล
ตอบ ไม่ควรแก้ มาตรา112ว่าด้วยเรื่อง องค์พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องในทางใดๆๆมิได้ ในความเห็นไม่ควรแก้เพราะว่าเป็นกฎหมายที่ป้องกันพระมหากษัตริย์
4.การที่มวลมหาประชาชนมีความไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งและให้รัฐบาลลาออกจากการรักษาการและจะปฏิรูป ท่านในฐานะติดตามข่าวสารบ้านเมือง ขณะนี้ ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ให้ยกเหตุผลประกอบคำอธิบาย
ตอบ เห็นด้วย เนื่องจากมวลมหาประชาชนมีเจตนาและมีความมุ่งมั่นที่ดีและมีเหตุผลในแง่ที่ว่า ถ้าไม่มีรัฐบาลคนกลางและการปฏิรูปการเมือง การเลือกตั้งใหม่ก็จะได้นักการเมืองแบบเก่า ๆ เข้ามาเป็นส่วนใหญ่และที่รัฐธรรมนูญข้ออ้างแต่การเลือกตั้งเป็นเพราะเป็นวิธีที่พวกเข้ามีโอกาสจะรับอำนาจ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ถูกครอบงำให้อยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์และนี้คือปัญหาใหญ่ที่ต้องหาทางทำการแก้ไข ดังนั้นการปฏิรูปการเมืองก่อนมีการเลือกตั้งใหม่ โดยไม่ยึดหลักอธิปไตยก็จะเป็นสิ่งดี
5.การเลือกตั้งล่วงหน้ามีข้อคัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับมวลมหาประชาชนและประชาชนที่รัฐบาลจัดตั้ง(คนเสื้อแดง)และนำประชาชนชาวเขมรเพื่อนำมาเข่นฆ่าคนไทยท่านเห็นด้วยกับรัฐบาลหรือไม่ ยกเหตุผลประกอบคำอธิบาย
ตอบ ไม่เห็นด้วยเนื่องจาก การเลือกตั้งไม่ใช้การแก้ปัญหาแต่เป็นการเพิ่มปัญหาทางการเมืองมากยิ่งขึ้น
6.พระราชบัญญัติการศึกษาเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญการศึกษา ท่านเห็นด้วย กับประเด็นนี้หรือไม่ อธิบายให้เหตุผล
ตอบ เห็นด้วย การที่เราเป็นคนไทยควรยึดถือการปฏิบัติอยู่บนความถูกต้อง ป,กฝังค่านิยมของคนไทย ให้ลูกหลานได้ยึดปฏิบัติ เป็นแบบอย่างถ่ายทอดความถูกต้องตามคัดลองครองธรรม
7.ในการจัดการศึกษานักศึกษาคิดว่ามีความมุ่งหมายและหลักการจัดการในการจัดการศึกษา อย่างไร
ตอบ การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข
การจัดการศึกษาให้ยึดหลักดังนี้
(1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
(2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
(2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
8.มีบุคคลหนึ่งเข้าไปเป็นครูสอนหนังสือในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่เป็นประจำกรณีมิได้รับการบรรจุเป็นครู หากพิจารณาตามกฎหมายถ้าผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะถูกลงโทษอย่างไร หากไม่ผิดกฎหมายท่านคิดว่าจะมีวิธีการทำอย่างไร
ตอบในพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางศึกษา พ.ศ.2546 ได้กำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่กรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทางการศึกษา
(2) ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนแต่ในบางครั้งต้องทำหน้าที่สอนด้วย
(3) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งทำการฝึกหัดหรืออบรมในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
(4) ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
(5) ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรือสถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
(6) คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญาทั้งของรัฐและเอกชน
(7) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา
(8) บุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
ถ้าปฏิบัติตามนี้ก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าต้องการที่จะสอนก็ควรที่จะทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนในภายหลัง
ตอบ 1. เป็นผู้มีคุณสมบัติทั่วไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครู พ.ศ. 2547
2. เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง ได้รับวุฒิปริญญาตรีทางการศึกษาหรือปริญญาตรีที่มีความรู้พื้นฐานทางวิชาชีพครู
3. เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูหรือได้รับหนังสือรับรองสิทธิ์การประกอบวิชาชีพครูตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา
4. ไม่เป็นพระภิกษุสามเณร นักพรต นักบวช
10.ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นว่าเมื่อเรียนวิชานี้ นักศึกษาได้อะไรบ้างครูผู้สอนวิชาชีพโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog มีความเหมาะสมและเป็นไปได้อย่างไร วิจารณ์แสดงความคิดเห็น และถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ ควรให้เกรดอะไร และนักศึกษาคิดว่าตนเองจะได้เกรดอะไร
ตอบ จากการเรียนวิชานี้ทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการศึกษาที่เป็นประโยชน์มากต่อวิชาชีพครู และความรู้ที่เกี่ยวกับสาขาวิชาที่เรียน ผู้สอนมีการแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อวิชาชี และการดำเนินชีวิต
การเรียนโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ Weblog มีความเหมาะสม ทำให้ผู้เรียนได้รับการเรียนรู้ที่เป็นการเปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น ได้แนวคิดที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนต่อไป
ถ้าจะให้น้ำหนักวิชานี้ ดิฉันให้เกรด A และดิฉันคิดว่าดิฉันก็จะได้เกรด A เช่นเดียวกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น